งานโฆษณานั้นมีด้วยกันหลากหลายประเภทบริษัทที่รับทำโฆษณาเองก็มีหลากหลายรูปแบบ วันนี้เราจึงจะพาไปดูกันว่าโฆษณานั้นมีกี่ประเภทอะไรบ้าง ซึ่งก่อนอื่นเราก็จะไปทำความรู้จักกับประเภทของงานโฆษณาโดยแบ่งตามวัตถุประสงค์ของงานโฆษณากันก่อนว่ามีอะไรบ้าง
วัตถุประสงค์ของงานโฆษณา คืออะไร มีอะไรบ้าง
1.การโฆษณาเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจ (Comprehensive Advertising)
วัตถุประสงค์ในหมวดแรกคือการทำโฆษณาขึ้นเพื่อการให้ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับสินค้าและบริการ โดยสามารถทำได้ดังต่อไปนี้ คือ
1.1. การโฆษณาให้ความรู้ เกี่ยวกับประเภทของสินค้าและบริการ เช่น สินค้าเกษตรกรรม สินค้าอุตสาหกรรม สินค้าไอที หรือสินค้า บริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ
1.2. การโฆษณาให้ความรู้ เกี่ยวกับความสำคัญของสินค้าและบริการโดยเฉพาะสินค้าที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต ของมนุษย์ เช่น อาหาร ยารักษาโรค
1.3. การโฆษณาให้ความรู้ เกี่ยวกับประโยชน์ของสินค้าและบริการ เช่น การโฆษณาคุณสมบัติของยารักษาโรค
1.4. การโฆษณาให้ความเข้าใจ เกี่ยวกับแนวคิดใหม่ของการโฆษณาเกี่ยวกับสินค้าและบริการโดยการใช้ชื่อโฆษณา แบบใหม่ การใช้ความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนการทำให้ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมในการโฆษณา
1.5. การโฆษณาให้ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับกระบวนการผลิตสินค้า นับตั้งแต่เริ่มต้นจนสำเร็จเป็นสินค้าสำเร็จรูป
2.การโฆษณาเพื่อให้ข่าวสาร (Informative Advertising)
วัตถุประสงค์ในหมวดนี้มุ่งเน้นไปที่การให้ข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค คือ
2.1. ข่าวสารการตลาด เป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพเหตุการณ์ของการตลาด
2.2. ข่าวสารการลงทุน เป็นการให้ข้อมูลทางด้านการลงทุนเพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจในสินค้าและบริการ
2.3. ข่าวสารสินค้าและบริการใหม่ เป็นการบอกกล่าวและให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าใหม่ หรือบริการใหม่ ๆ เพื่อให้ผู้บริโภคมีโอกาสพิจารณาเลือกซื้อสินค้าและบริการเหล่านั้น
2.4. ข่าวสารราคาสินค้าและบริการ เป็นการใช้ข้อมูลด้านราคาเพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจและนำไปสู่การซื้อสินค้าและบริการ
2.5. ข่าวสารการส่งเสริมการขาย เป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการขาย เช่น การตลาด การแจกการแถม ของกำนัล ของรางวัลต่างๆ
3.การโฆษณาเพื่อชักจูงใจ (Persuasive Advertising)
ในส่วนนี้จะเป็นโฆษณาที่ทำขึ้นเพื่อชักจูงใจ สร้างแรงจูงใจให้เกิดกับผู้บริโภค ทำให้เกิดการคล้อยตามที่จะซื้อสินค้าและบริการ สามารถใช้หลักการดังนี้ คือ
3.1. จูงใจให้เกิดความสนใจที่จะซื้อสินค้าและบริการ การโฆษณานี้ ต้องชี้แนะให้ผู้บริโภคเกิดความประสงค์ในการใช้ สินค้าและบริการ เมื่อผู้บริโภคใช้สินค้าและบริการแล้ว จะมีความสะดวกสบายอย่างไร
3.2. จูงใจให้เกิดความประทับใจในสินค้าและบริการ การโฆษณาต้องสร้างความประทับใจกับผู้บริโภค โดยใช้ศิลปะของการสื่อสารเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดความอยากรู้ อยากเห็น เร้าอารมณ์ ก่อให้เกิดความรู้สึกคล้อยตาม และเกิดความประทับใจในคุณภาพและบริการ
3.3. จูงใจให้เกิดความพึงพอใจในสินค้าและบริการ การโฆษณานี้ต้องสร้างภาพพจน์ของสินค้าและบริการ ให้สอดคล้องกับความพึงพอใจของผู้บริโภค โดยเอาจุดเด่นของสินค้าและบริการมาสร้างสรรค์งานโฆษณา
3.4. จูงใจให้เกิดความภูมิใจในสินค้าและบริการ การโฆษณาในลักษณะนี้มักนำเอาบุคคลสำคัญ และเป็นที่รู้จักมาเป็นแบบในโฆษณา เพื่อให้ผู้บริโภคทั่วไปเห็นว่า บุคคลสำคัญยังใช้สินค้าและบริการชนิดเดียวกับตน จึงเกิดความภาคภูมิใจเมื่อใช้สินค้าและบริการนั้น
ต่อมาเป็นการแยกประเภทของงานโฆษณาตามลักษณะของผู้โฆษณา สื่อที่ใช้ รวมทั้งจุดประสงค์ของการโฆษณาแล้ว ซึ่งสามารถแยกประเภทของการโฆษณาตามรูปแบบนี้ได้ 7 ลักษณะดังต่อไปนี้
1.Brand advertising
เป็นลักษณะโฆษณาตราสินค้า โดยเน้นสัญลักษณ์ รูปภาพที่ทำให้นึกถึงตัวสินค้า โฆษณาประเภทนี้เหมาะสำหรับสินค้าที่เป็นที่จดจำอยู่แล้ว หรือเป็นสินค้าที่สร้างแบรนด์มายาวนาน
2.Trade advertising
การโฆษณาทางการค้า เป็นการสื่อสารระหว่างผู้ผลิตกับผู้แทนจําหน่าย เพราะถือเป็นส่วนแรกที่จะแนะนําสินค้าจากบริษัทผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค ทั้งนี้เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจที่จะรับสินค้าไว้จําหน่าย
3.Retail advertising
การโฆษณาค้าปลี เป็นการโฆษณาที่ไม่ได้มุ่งที่ตราสินค้า แต่เป็นการโฆษณาสถานที่จัดจําหน่าย หรือผู้ประกอบธุรกิจขายปลีกเพื่อให้ ผู้บริโภคมา ซื้อสินค้าหรือบริการ ณ สถานที่จําหน่าย โดยมากมักเป็นการโฆษณาในท้องถิ่น
4.Professional advertising
เป็นการโฆษณาที่มุ่งไปยังบุคคลในวงการวิชาชีพต่างๆเพื่อ จูงใจให้กลุ่มบุคคลเหล่านี้แนะนําลูกค้าของตนให้ซื้อสินค้า ที่โฆษณา จึงเหมาะกับสินค้าที่ผู้บริโภคต้องฟังความคิดเห็น หรือคําแนะนําจากผู้ที่มีความชํานาญพิเศษ
5.Corporate advertising
เป็นการโฆษณาที่มุ่งเน้นสร้างภาพลักษณ์ให้องค์กรหรือสร้างการรับรู้ให้ภายนอกรับรู้ว่าองค์กรทำอะไรอยู่
6.Idea advertising
การโฆษณาแนวความคิด เป็นการเสนอความคิดเห็นไปสู่กลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้เกิดการยอมรับความคิดเห็นเป็นการสร้างภาพพจน์หรือการสร้างค่านิยม
7.Classified advertising
เป็นการโฆษณาย่อยใช้เนื้อที่ขนาดเล็ก มีแต่เฉพาะข้อความสั้น ๆ หรืออาจมีภาพประกอบเล็กน้อย เราจะพบเห็นได้ตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือนิตยสาร
ทั้งหมดนี้ก็คือแนวทางการแบ่งประเภทของงานโฆษณา ซึ่งหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจรับทำโฆษณาหรือผู้ที่อยากได้งานโฆษณาเป็นของตัวเองนะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : http://etcserv.pnru.ac.th/pcc/Newnat/ad1-4.html
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น