ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ทำไมต้องทำโฆษณาด้วย Google Display Network หรือที่เรียกว่า GDN

Google Display Network


การทำโฆษณาบน Google มีอยู่ 3 รูปแบบหลักๆ คือ Search, Display และ Video แต่ในบทความนี้เราจะมาพูดในส่วนของ Display ว่าทำไมถึงต้องทำโฆษณาด้วย Google Display Network
• ใช้สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก
• รูปภาพสร้างการจดจำได้ง่าย
• เข้าถึงผู้ชมได้มหาศาล

Google Display Network คืออะไร

Google Display Network
เป็นโฆษณารูปแบบหนึ่งของ Google ที่อยู่ในรูปแบบของการแสดงผลด้วยรูปภาพ Banner โดยจะไปปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ที่เป็น Partner กับ Google นับล้านเว็บไซต์ทั่วโลก สามารถเข้าถึงผู้ชมมหาศาลที่อยู่ในเครือข่ายเว็บไซต์ของ Google แม้กระทั่ง YouTube หรือ Gmail ที่ใช้กันอยู่อย่างเป็นประจำรวมไปถึง Mobile Application อีกด้วย ซึ่งการทำงานจะแตกต่างกับ Google Search ตรงที่เราไม่ต้องค้นหาก็สามารถเห็นโฆษณาได้นั่นเอง

แล้วทำไมถึงต้องใช้ Display Network

Google Display Network
ถ้าหากต้องการจะสร้าง Branding หรือมีการโปรโมต Campaign ต่างๆ การทำโฆษณาในรูปแบบ GDN ถือเป็นโฆษณาที่ตอบโจทย์อย่างมาก เพราะสามารถช่วยส่งสารและทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักได้ง่าย โดย 95 % ของผู้ที่เล่น internet ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเข้าเว็บไซต์กับ Social Medias และในปัจจุบันคนไทยใช้เวลาดูสื่อในโลกออนไลน์ มากกว่าการดูสื่อในรูปแบบของออฟไลน์ แปลว่าโอกาสที่คนส่วนใหญ่จะเห็นโฆษณาของคุณ ก็ต้องเป็นโฆษณาอยู่ในช่องทางออนไลน์ และการโฆษณาด้วยภาพจะสร้างการจดจำได้ดีกว่า ยิ่งถ้าหากภาพนั้นมีความน่าสนใจ
นอกจากจะช่วย Brand Awareness ได้ดีแล้ว ยังสามารถทำการตลาดออนไลน์ในเชิงของการ Remarketing เพื่อกลับเข้าไป Remind ให้ลูกค้าจดจำเราได้เพื่อ “กระตุ้นความจำ” และเพื่อเพิ่มโอกาสที่จะทำให้เกิด Conversion ให้มากขึ้นได้อีกด้วย

ขนาดรูปภาพที่ใช้ในการทำโฆษณา

ในส่วนของขนาดรูปนั้นจะมีอยู่หลายขนาด แต่ขนาดที่นิยมใช้กันเป็นพิเศษในการทำ Banner จะมีอยู่ 3 ขนาดดังนี้ 300 x 250 กับ 468×60 และ 320×50 เป็นขนาดที่ค่อนข้างจะคุณภาพมากที่สุด เพราะเป็นขนาดที่เว็บไซต์ส่วนใหญ่รองรับ และไม่ต้องกลัวถ้าหากโฆษณาจะไม่แสดงผลหากเจอ Slot ที่ใหญ่กว่า Google มีระบบ Auto-Resize ซึ่งจะช่วยทำให้ ผู้ลงโฆษณาไม่จำเป็นต้องเสียเวลาทำรูปเพื่ออัปโหลดให้ครบทุกขนาด

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิธีเขียนคำโฆษณาให้ดึงดูดผู้บริโภค

1.สร้างอารมณ์ร่วม ลองคิดดู หากบทความ โฆษณา นั้นราบเรียบจืดชืดแล้วใครจะอยากอ่านแล้วใครจะอินจนอยากซื้อสินค้าของคุณไปใช้กันล่ะ บางทีการสร้างอารมณ์ให้ผู้อ่านหรือผู้พบเห็นมีความรู้สึกร่วมไปกับบทความนั้นเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง และมีความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จสูง เพราะถึงคนส่วนใหญ่จะใช้ตรรกะและเหตุผลต่างๆ ในการตัดสินใจก็เถอะ แต่หากคุณมีอารมณ์อินกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปแล้ว การใช้ตรรกะก็จะน้อยลงแล้วอารมณ์ร่วมก็จะมีมากกว่า โดยมีการวิจัยหลายสำนักชี้ให้เห็นว่า การตอบสนองทางอารมณ์จะมีผลต่ออการตัดสินใจอย่างมาก โดยเฉพาะ Print Ads ที่ในความจริงแล้วมีแนวโน้มที่จะดึงดูดผู้บริโภคได้ดีกว่่า โดย 3 สิ่งนี้อาจจะช่วยคุณได้ 1.1 อารมณ์ของลูกค้า คุณต้องดูก่อนว่าแบรนด์ของคุณจะต้องการสร้างอารมณ์ไปในทิศทางไหน จนกลุ่มเป้าหมายจะสามารถอินไปกับมันได้ ในปัจจุบัน TVC ทั้งหลายพยายามที่จะเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกของผู้บริโภค โดยส่วนใหญ่จะเป็นความเชื่อใจ ความกลัว ความรักเป็นต้น ลองดูว่าสินค้าของคุณจะไปในทิศทางไหนได้บ้าง 1.2 Headline หัวข้อหรือพาดหัวมักจะเป็นสิ่งแรกๆ ที่คนทั่วไปเห็นเป็นอันดับแรก เพราะฉะนั้นคุณ...

Facebook เปลี่ยนวิธียิงโฆษณายกแผง ทุ่มเงินไปยอดขายไม่มา ถ้าคุณไม่มีสิ่งเหล่านี้

“… WE’RE CONSTANTLY EVOLVING OUR AD PLATFORM, WHICH MEANS THAT OUR METRICS MUST EVOLVE …” ด้านบน คือ ข้อความเกริ่นนำในประกาศการเปลี่ยนแปลงระบบการทำงานของเครื่องมือโฆษณา Facebook หรือ Facebook Ad ครั้งล่าสุดผ่านทาง  เว็บไซต์ Facebook Business  เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2562 Facebook มีการเลือกใช้คำศัพท์ในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อย่างน่าสนใจ เพราะ Software developer โดยทั่วไปอาจใช้คำว่า Develop หรือ Improve เมื่อจะมีการพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงระบบ แต่ Facebook ใช้คำว่า  Evolve  หรือ  การวิวัฒนาการ  ไปอีกขั้น — CEOblog จะพาไปวิเคราะห์ว่า ‘ การ Evolve ในครั้งนี้ ’ อาจส่งผลกระทบกับ Advertiser อย่างไรบ้าง ถอน 1 เมทริกเก่า เพิ่ม 3 เมทริกใหม่ ถอน 1 เมทริกเก่า ได้แก่: Facebook แจ้งว่าจะทำการถอน เมทริก (Metric) เก่าออกจำนวน 1 รายการ ได้แก่  Relevance Score เมทริกที่ใช้บอกว่า โฆษณาของ Advertiser ตรงกลุ่มเป้าหมายมากแค่ไหน โดยมีหลักการวัดผลคร่าว ๆ จาก การตอบสนองของ Target audience ที่เห็นโฆษณา เช่น Emotion เป็นอย่างไร Like, Love หรือ Angry มีการ Share หร...

อ่านให้รู้ กับโฆษณายูทูป

เรียนรู้ โฆษณายูทูป (Youtube) แต่ละแบบ เว็บที่ให้บริการแลกเปลี่ยนความรู้ โฆษณาบนยูทูป (Youtube)เว็บไซต์ที่ให้บริการแลกเปลี่ยนคลิปวิดีโอระหว่างผู้ใช้ได้ฟรี ทำให้ ยูทูป (Youtube) เป็นเว็บไซต์ที่ยอดนิยมสำหรับทุกเพศทุกวัยเลย และ ยูทูป (Youtube) ยังเป็นเว็บไซต์ที่ให้ทั้งข้อมูลข่าวสาร ความรู้ต่างๆ รวมไปถึงความบันเทิง แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ใครหลายๆคนอาจจะรู้สึกขัดตาขัดใจเวลาดูคลิปวิดีโอบน ยูทูป (Youtube) นั้นก็คือ….. โฆษณายูทูป (Youtube ! ) แต่ในทางกลับนักการตลาด และผู้คนสายโฆษณานั้น ไม่รู้สึกขัดใจกับ โฆษณายูทูป (Youtube) เลย แต่กลับชื่นชอบ เพราะจะได้มีช่องทางในการลงสื่อโฆษณาเพิ่มขึ้น และยังสามารถเข้าถึงผู้คนเป็นจำนวนมากส่วนโฆษณาบน Youtube นั้นจะมีอะไรบ้าง นักการตลาด และผู้คนสายโฆษณาคงอยากรู้ไม่น้อย เรามาไขข้อข้องใจกันเลยดีกว่า 1. Masthead คือ โฆษณาที่สามารถเห็นได้ในหน้าแรกของ ยูทูป (Youtube) 2. Display Ads (Banners) คือ โฆษณาแบบแบนเนอร์ที่จะอยู่ตรงข้างๆวิดีโอหลักที่เปิดใช้งานอยู่ 3. Overlay – in – Video Ads คือ ป้ายโฆษณา หรือแบนเนอร์ ...