ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Google Adsense คืออะไร มาหาเงินจากเว็บไซต์ของเรากันเถอะ

สำหรับคนที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเองไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์องค์กรธุรกิจ หรือเว็บบล็อกไว้ลงรีวิวต่างๆ แล้วมี Traffic จำนวนคนดูเข้าเว็บไซต์จำนวนมาก แล้วอยากหารายได้เสริม นี่เลยครับผมขอเสนอบริการ Google Adsense” มาดูกันสิว่าเราจะหาเงินจากเจ้า Adsense นี้ได้อย่างไร
 Adsense เป็นบริการอย่างหนึ่งของทาง Google โดยทาง Google ได้เปิดโอกาสให้กับเจ้าของเว็บไซต์สามารถทำรายได้โดยการนำโฆษณาของ Google มาลงไว้ที่เว็บไซต์ของเรา ซึ่งโดยทั่วไปแล้วโฆษณาที่ทาง Google เลือกนำมาให้เรานั้นจะเป็นโฆษณาที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเว็บไซต์ของเรา เช่น เราทำเว็บไซต์เกี่ยว IT ทาง Google ก็จะส่งโฆษณาที่เกี่ยวกับ IT มาให้เรานั่นเอง โดยโฆษณาที่นำว่าลงนั้นก็จะมีหลายรูปแบบแตกต่างกันไป เช่น ตัวอักษร รูปภาพ โดยเราสามารถเลือกขนาดรูปภาพหรือสีรูปภาพได้ด้วยนะ เพื่อความสวยงามและจะได้กลมกลืนกับเว็บไซต์ของเรานั่นเอง
จากนี้ไปดูกันดีกว่าว่า Google จะจ่ายให้เงินเราตอนไหนโดย Google จะจ่ายผลตอบแทนจาก 3 โฆษณาดังนี้

1. โฆษณาที่เกี่ยวข้องเนื้อหาของเว็บไซต์ (AdSense for Content)

เป็นผลตอบแทนจากโฆษณาที่เกี่ยวข้องเนื้อหาของเว็บไซต์ของเราในขณะเดียวกันเข้ากันกับเนื้อหาในเว็บไซต์เรา เช่น เว็บไซต์ของ Am2b Marketing เกี่ยวกับการทำเว็บไซต์และบริการทำการตลาดออนไลน์ โฆษณาที่เห็นก็จะมีเนื้อหาดังกล่าว

1.1 จ่ายผลตอบแทนเมื่อมีคนกดคลิกโฆษณา ( Pay Per Click – PPC )

ผลตอบแทนชนิดนี้จะเกิดขึ้นเมื่อผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเราได้กดคลิกโฆษณาที่เราได้นำมาลงจาก Google โดยแต่ล่ะโฆษณาจะได้ผลตอบแทนที่ไม่เท่ากัน เพราะขึ้นอยู่กับผู้ที่จ้าง Google โฆษณา จ่ายให้เงินให้กับ Goole มากน้อยเพียงไหน ถ้าจ้างโฆษณาเอาไว้สูงเราก็จะได้เงินสูงตามนั้น แต่ทางตรงกันข้ามถ้าจ่ายเงินโฆษณาเอาไว้น้อย เราก็ได้เงินน้อยตามไปด้วย

1.2 จ่ายผลตอบแทนเมื่อแสดงโฆษณา ( Pay Per Impression – CPM )

จ่ายผลตอบแทนเมื่อแสดงโฆษณา คือ ทุกครั้งที่ผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเราที่เราติดโฆษณา  Adsense ไว้แล้ว จะเกิดรายได้ก็ต่อเมื่อมีการแสดงโฆษณาที่เรารับมาครับ 1,000 ครั้ง แล้วผู้เข้าชมเว็บไซต์ต้องกดคลิกดูโฆษณานั้นด้วย แต่ไม่นับจำนวนคนคลิกกี่ครั้งก็ตาม แค่ขอให้มีคนคลิกเถอะ
Google Adsense

2. ผลตอบแทนจากการค้นหาเว็บไซต์ (AdSense for Search)

การค้นหาเว็บไซต์ เป็นรายได้ที่เกิดจากการที่เราต้องติดตั้งเครื่องมือชนิดหนึ่งของ Google ก่อน โดยเครื่องมือชนิดนี้จะเป็นช่องเอาไว้ใช้เสิร์ชหาอะไรก็ได้ คล้ายๆ กับที่เราใช้บนหน้า Google นั่นแหละ แค่เป็นแบบย่อให้เล็กลงมา โดยผลตอบแทนก็จ่ายตามแบบข้อ 1.1 และ 1.2
Google Adsense

3. รายได้ของโฆษณาจากการแนะนำบริการ (Referrals)

รูปแบบสุดท้าย Google จะให้ผลตอบแทนรายได้โดยให้โอกาสการสร้างรายได้จากโฆษณา โดยแบบแนะนำบริการต่างๆ ของทาง Google สินค้าและบริการต่างๆ ของเว็บไซต์พันธมิตรอีกด้วย ยกตัวอย่าง เช่น เมื่อมีผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเรากดคลิกโฆษณาแนะนำบริการ และได้ใช้บริการนั้นๆ คุณก็จะได้รับรายได้เป็นการตอบแทน
Google Adsense
เป็นยังไงบ้างครับกับ Google Adsense มาหาเงินจากเว็บไซต์ของเรากันเถอะ คงได้ความรู้และไอเดียในการหาเงินเข้ากระเป๋าอีกช่องทางหนึ่งใช่ไหมครับ วิธีเหมาะมากครับสำหรับคนที่เป็นเจ้าของเว็บไซต์แล้วมีคนเข้าชมเว็บไซต์เป็นจำนวนมาก ยิ่งมีคนเข้าชมเยอะโอกาสที่เข้าจะกดคลิกโฆษณาก็เยอะตามไปด้วย บางคนได้รายได้จากช่องทางนี้เป็นแสนต่อเดือนก็มีมาแล้ว ผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะเป็นหนึ่งในนั้นนะครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิธีเขียนคำโฆษณาให้ดึงดูดผู้บริโภค

1.สร้างอารมณ์ร่วม ลองคิดดู หากบทความ โฆษณา นั้นราบเรียบจืดชืดแล้วใครจะอยากอ่านแล้วใครจะอินจนอยากซื้อสินค้าของคุณไปใช้กันล่ะ บางทีการสร้างอารมณ์ให้ผู้อ่านหรือผู้พบเห็นมีความรู้สึกร่วมไปกับบทความนั้นเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง และมีความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จสูง เพราะถึงคนส่วนใหญ่จะใช้ตรรกะและเหตุผลต่างๆ ในการตัดสินใจก็เถอะ แต่หากคุณมีอารมณ์อินกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปแล้ว การใช้ตรรกะก็จะน้อยลงแล้วอารมณ์ร่วมก็จะมีมากกว่า โดยมีการวิจัยหลายสำนักชี้ให้เห็นว่า การตอบสนองทางอารมณ์จะมีผลต่ออการตัดสินใจอย่างมาก โดยเฉพาะ Print Ads ที่ในความจริงแล้วมีแนวโน้มที่จะดึงดูดผู้บริโภคได้ดีกว่่า โดย 3 สิ่งนี้อาจจะช่วยคุณได้ 1.1 อารมณ์ของลูกค้า คุณต้องดูก่อนว่าแบรนด์ของคุณจะต้องการสร้างอารมณ์ไปในทิศทางไหน จนกลุ่มเป้าหมายจะสามารถอินไปกับมันได้ ในปัจจุบัน TVC ทั้งหลายพยายามที่จะเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกของผู้บริโภค โดยส่วนใหญ่จะเป็นความเชื่อใจ ความกลัว ความรักเป็นต้น ลองดูว่าสินค้าของคุณจะไปในทิศทางไหนได้บ้าง 1.2 Headline หัวข้อหรือพาดหัวมักจะเป็นสิ่งแรกๆ ที่คนทั่วไปเห็นเป็นอันดับแรก เพราะฉะนั้นคุณ...

Facebook เปลี่ยนวิธียิงโฆษณายกแผง ทุ่มเงินไปยอดขายไม่มา ถ้าคุณไม่มีสิ่งเหล่านี้

“… WE’RE CONSTANTLY EVOLVING OUR AD PLATFORM, WHICH MEANS THAT OUR METRICS MUST EVOLVE …” ด้านบน คือ ข้อความเกริ่นนำในประกาศการเปลี่ยนแปลงระบบการทำงานของเครื่องมือโฆษณา Facebook หรือ Facebook Ad ครั้งล่าสุดผ่านทาง  เว็บไซต์ Facebook Business  เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2562 Facebook มีการเลือกใช้คำศัพท์ในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อย่างน่าสนใจ เพราะ Software developer โดยทั่วไปอาจใช้คำว่า Develop หรือ Improve เมื่อจะมีการพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงระบบ แต่ Facebook ใช้คำว่า  Evolve  หรือ  การวิวัฒนาการ  ไปอีกขั้น — CEOblog จะพาไปวิเคราะห์ว่า ‘ การ Evolve ในครั้งนี้ ’ อาจส่งผลกระทบกับ Advertiser อย่างไรบ้าง ถอน 1 เมทริกเก่า เพิ่ม 3 เมทริกใหม่ ถอน 1 เมทริกเก่า ได้แก่: Facebook แจ้งว่าจะทำการถอน เมทริก (Metric) เก่าออกจำนวน 1 รายการ ได้แก่  Relevance Score เมทริกที่ใช้บอกว่า โฆษณาของ Advertiser ตรงกลุ่มเป้าหมายมากแค่ไหน โดยมีหลักการวัดผลคร่าว ๆ จาก การตอบสนองของ Target audience ที่เห็นโฆษณา เช่น Emotion เป็นอย่างไร Like, Love หรือ Angry มีการ Share หร...

อ่านให้รู้ กับโฆษณายูทูป

เรียนรู้ โฆษณายูทูป (Youtube) แต่ละแบบ เว็บที่ให้บริการแลกเปลี่ยนความรู้ โฆษณาบนยูทูป (Youtube)เว็บไซต์ที่ให้บริการแลกเปลี่ยนคลิปวิดีโอระหว่างผู้ใช้ได้ฟรี ทำให้ ยูทูป (Youtube) เป็นเว็บไซต์ที่ยอดนิยมสำหรับทุกเพศทุกวัยเลย และ ยูทูป (Youtube) ยังเป็นเว็บไซต์ที่ให้ทั้งข้อมูลข่าวสาร ความรู้ต่างๆ รวมไปถึงความบันเทิง แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ใครหลายๆคนอาจจะรู้สึกขัดตาขัดใจเวลาดูคลิปวิดีโอบน ยูทูป (Youtube) นั้นก็คือ….. โฆษณายูทูป (Youtube ! ) แต่ในทางกลับนักการตลาด และผู้คนสายโฆษณานั้น ไม่รู้สึกขัดใจกับ โฆษณายูทูป (Youtube) เลย แต่กลับชื่นชอบ เพราะจะได้มีช่องทางในการลงสื่อโฆษณาเพิ่มขึ้น และยังสามารถเข้าถึงผู้คนเป็นจำนวนมากส่วนโฆษณาบน Youtube นั้นจะมีอะไรบ้าง นักการตลาด และผู้คนสายโฆษณาคงอยากรู้ไม่น้อย เรามาไขข้อข้องใจกันเลยดีกว่า 1. Masthead คือ โฆษณาที่สามารถเห็นได้ในหน้าแรกของ ยูทูป (Youtube) 2. Display Ads (Banners) คือ โฆษณาแบบแบนเนอร์ที่จะอยู่ตรงข้างๆวิดีโอหลักที่เปิดใช้งานอยู่ 3. Overlay – in – Video Ads คือ ป้ายโฆษณา หรือแบนเนอร์ ...