ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

สร้างเพจใหม่ เขียนคอนเทนต์ยังไงให้ปัง!


สร้าง เพจ

ต้องยอมรับว่ายุคสมัยนี้ กิจกรรมการตลาดที่สามารถสร้างอิมแพคให้กับแบรนด์อย่างเห็นผลชัดเจนที่สุดก็คือ Content Marketing ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมบริษัทหรือแบรนด์ต่างๆ จึงยอมทุ่มเงิน เวลา และไอเดียต่างๆ เพื่อสร้างคอนเทนต์ในหลากหลายรูปแบบขึ้นมา
แต่การณ์กลับกลายเป็นว่า บางครั้งผลตอบรับที่ได้กลับมาจากคอนเทนต์ที่ลงไปนั้น กลับไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ใจหวัง โดยเฉพาะบริษัทหรือแบรนด์ที่เพิ่งเริ่มสร้าง เพจใหม่ ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ก็มาจากการขาดการวิเคราะห์ข้อมูลก่อนลงมือสร้างคอนเทนต์ รวมถึงการขาดความรู้เกี่ยวกับการทำ Content Marketing โดยเฉพาะนักการตลาดมือใหม่ที่อาจจะยังไม่ค่อยมีประสบการณ์มากนัก แต่ไม่เป็นไรค่ะ เพราะวันนี้ Am2b Marketing จะมาสอนเคล็ดลับการสร้าง เพจใหม่ เขียนคอนเทนต์ยังไงให้ปัง!

1. ระบุกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน

นักการตลาดมือใหม่ควรรู้ ก่อนจะ สร้าง เพจ และคอนเทนต์ขึ้นมา สิ่งสำคัญเริ่มแรกที่คุณควรจะต้องทำก็คือ ระบุกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน ว่าใครคือคนที่คุณต้องการส่งคอนเทนต์ให้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ การศึกษา ตำแหน่งหน้าที่การงาน รายได้ ความสนใจ ฯลฯ เพราะสิ่งเหล่านี้เราสามารถนำไปวิเคราะห์ได้ว่า คอนเทนต์อะไรที่จะทำให้เขารู้สึกโดนใจมากที่สุด และยังทำให้ง่ายสำหรับการวางแผนการทำคอนเทนต์ต่อไปในอนาคตอีกด้วย

2. ตั้งชื่อเรื่องให้ดึงดูดใจจนอยากจะคลิกอ่าน

ส่วนประกอบสำคัญอย่างที่สองสำหรับการทำคอนเทนต์ก็คือ ชื่อเรื่อง เพราะหลายครั้งแม้เราจะเขียนคอนเทนต์ได้ดีเลิศขนาดไหน แต่หากตั้งชื่อเรื่องได้ไม่โดนใจคนอ่าน คอนเทนต์ก็ถูกเมินไปโดยปริยาย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างมาก ทั้งนี้การตั้งชื่อเรื่องอย่างไรให้โดนใจคนอ่าน นอกจากจะต้องสั้น กระชับ ได้ใจความแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ ตั้งชื่อโดยอิงกับพฤติกรรมและความชอบของกลุ่มเป้าหมาย ถือเป็นอีกกลยุทธ์ที่จะทำให้การทำการตลาดแบบ Content Marketing ประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย

3. เขียนเกริ่นนำอย่างไรให้น่าสนใจ

สำหรับผู้ที่เคยเขียนคอนเทนต์เป็นประจำ น่าจะทราบดีว่า คอนเทนต์ที่สมบูรณ์จะประกอบไปด้วย 4 ส่วนคือ ชื่อเรื่อง เกริ่นนำ เนื้อเรื่อง และสรุป โดยส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือชื่อเรื่อง และส่วนที่สำคัญรองลงมาก็คือเกริ่นนำ เพราะมันสามารถฉุดรั้งให้ผู้อ่านอยากอ่านเนื้อหาต่อไปได้ ดังนั้นการเขียนเกริ่นนำ ผู้เขียนจะต้องวิเคราะห์และหาแนวทางที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายของตนเองมากที่สุด นอกจากนั้นการนำเหตุการณ์ที่กำลังเป็นกระแสสังคมมาใช้เป็นเกริ่นนำ ก็เป็นอีกวิธีที่เรียกความน่าสนใจได้เช่นเดียวกัน

4. ใช้ภาษาให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์

ในการเขียนคอนเทนต์ เรื่องสำคัญอีกอย่างที่จะพลาดไม่ได้เลยก็คือ การใช้ภาษาให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษ หรือภาษาใดๆ ก็ตาม เพราะหากคุณพลาดเรื่องนี้เมื่อไหร่ ความน่าเชื่อถือจะถูกลดทอนลงทันที แถมยังทำให้ผู้อ่านรู้สึกรำคาญจนเลิกอ่านเนื้อหาที่เหลืออีกต่างหาก ดังนั้นผู้เขียนต้องระวังเรื่องการสะกดคำ รวมทั้งการใช้วรรณยุกต์ต่างๆ ด้วย ยกตัวอย่างคำง่ายๆ ที่บางคนมักจะมีปัญหาในการใช้ก็คือ นะคะ กับ ค่ะ ทั้งนี้หากคำไหนที่ไม่แน่ใจว่าเขียนผิดหรือเปล่า แนะนำว่าให้เปิดเช็คในเว็บของราชบัณฑิตยสถาน จะทำให้ได้รับคำตอบที่ถูกต้องมากกว่าการเสิร์ชหาใน Google

5. เนื้อหาคอนเทนต์ที่ดีต้องมีประโยชน์ แต่แฝงความบันเทิงแบบเต็มสูบ

คนส่วนใหญ่ไม่ชอบอะไรที่หนักหรือเครียดจนเกินไป แต่ก็ไม่ใช่ไร้สาระจนรู้สึกเสียเวลาที่จะอ่าน เพราะฉะนั้นคอนเทนต์ที่ดีควรจะเป็นคอนเทนต์ที่อ่านแล้วรู้สึกว่าได้ประโยชน์และความรู้กลับไป ต้องเป็นเรื่องราวที่ยังไม่มีใครเคยพูดถึง และที่สำคัญคือต้องแฝงความสนุกจนละสายตาไม่ได้ โดยคอนเทนต์จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ที่แตกต่างกันคือ Topical Content ที่เน้นความสดใหม่ ทันยุคทันเหตุการณ์ และ Evergreen Content ซึ่งไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่คอนเทนต์นั้นก็ยังคงเป็นคอนเทนต์ที่ดูเหมือนสดใหม่ และน่าสนใจอยู่ตลอดเวลา

6. มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือ และสามารถอ้างอิงถึงที่มาที่ไปได้

สำหรับการอ้างอิงข้อมูลในคอนเทนต์ หากเป็นข้อมูลทางด้านการแพทย์ หรือตัวเลขสถิติต่างๆ ต้องนำมาจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นสำนักข่าว องค์กร หรือสถาบันการศึกษาก็ตาม เพราะนอกจากจะทำให้คอนเทนต์ดูดีมีคุณภาพแล้ว ข้อมูลที่ถูกต้องยังสามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับคนทั่วไปที่เข้ามาอ่านได้ และที่สำคัญข้อมูลที่ถูกต้องยังไม่ก่อให้เกิดปัญหาตามมาทีหลังอีกด้วย

7. มีภาพประกอบเนื้อหาที่สอดคล้องกับเรื่องราวของคอนเทนต์

หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า ภาพ 1 ภาพแทนคำพูดได้เป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสนล้านคำ ซึ่งนั่นไม่เกินความจริงเลย โดยเฉพาะภาพถ่ายที่มีองค์ประกอบครบถ้วน เมื่อนำมาผสมผสานกับเนื้อหาคอนเทนต์ที่เข้มข้นก็ยิ่งสามารถสร้างเอฟเฟ็กต์ให้กับคนอ่านได้มากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นภาพประกอบจึงเป็นส่วนสำคัญของคอนเทนต์ที่จะขาดเสียไม่ได้เลยล่ะค่ะ
เห็นไหมคะว่า การจะเขียนคอนเทนต์ยังไงให้ปัง ไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่แน่นอนว่าก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน และนอกเหนือทั้ง 7 ข้อข้างบนนี้แล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันสำหรับคนสร้างคอนเทนต์ก็คือ ไอเดียที่สดใหม่ รวมถึงไฟในการสร้างสรรค์งานให้ออกมาดีอยู่เสมอนั่นเอง

เครดิต www.am2bmarketing.co.th

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิธีเขียนคำโฆษณาให้ดึงดูดผู้บริโภค

1.สร้างอารมณ์ร่วม ลองคิดดู หากบทความ โฆษณา นั้นราบเรียบจืดชืดแล้วใครจะอยากอ่านแล้วใครจะอินจนอยากซื้อสินค้าของคุณไปใช้กันล่ะ บางทีการสร้างอารมณ์ให้ผู้อ่านหรือผู้พบเห็นมีความรู้สึกร่วมไปกับบทความนั้นเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง และมีความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จสูง เพราะถึงคนส่วนใหญ่จะใช้ตรรกะและเหตุผลต่างๆ ในการตัดสินใจก็เถอะ แต่หากคุณมีอารมณ์อินกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปแล้ว การใช้ตรรกะก็จะน้อยลงแล้วอารมณ์ร่วมก็จะมีมากกว่า โดยมีการวิจัยหลายสำนักชี้ให้เห็นว่า การตอบสนองทางอารมณ์จะมีผลต่ออการตัดสินใจอย่างมาก โดยเฉพาะ Print Ads ที่ในความจริงแล้วมีแนวโน้มที่จะดึงดูดผู้บริโภคได้ดีกว่่า โดย 3 สิ่งนี้อาจจะช่วยคุณได้ 1.1 อารมณ์ของลูกค้า คุณต้องดูก่อนว่าแบรนด์ของคุณจะต้องการสร้างอารมณ์ไปในทิศทางไหน จนกลุ่มเป้าหมายจะสามารถอินไปกับมันได้ ในปัจจุบัน TVC ทั้งหลายพยายามที่จะเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกของผู้บริโภค โดยส่วนใหญ่จะเป็นความเชื่อใจ ความกลัว ความรักเป็นต้น ลองดูว่าสินค้าของคุณจะไปในทิศทางไหนได้บ้าง 1.2 Headline หัวข้อหรือพาดหัวมักจะเป็นสิ่งแรกๆ ที่คนทั่วไปเห็นเป็นอันดับแรก เพราะฉะนั้นคุณ...

Facebook เปลี่ยนวิธียิงโฆษณายกแผง ทุ่มเงินไปยอดขายไม่มา ถ้าคุณไม่มีสิ่งเหล่านี้

“… WE’RE CONSTANTLY EVOLVING OUR AD PLATFORM, WHICH MEANS THAT OUR METRICS MUST EVOLVE …” ด้านบน คือ ข้อความเกริ่นนำในประกาศการเปลี่ยนแปลงระบบการทำงานของเครื่องมือโฆษณา Facebook หรือ Facebook Ad ครั้งล่าสุดผ่านทาง  เว็บไซต์ Facebook Business  เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2562 Facebook มีการเลือกใช้คำศัพท์ในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อย่างน่าสนใจ เพราะ Software developer โดยทั่วไปอาจใช้คำว่า Develop หรือ Improve เมื่อจะมีการพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงระบบ แต่ Facebook ใช้คำว่า  Evolve  หรือ  การวิวัฒนาการ  ไปอีกขั้น — CEOblog จะพาไปวิเคราะห์ว่า ‘ การ Evolve ในครั้งนี้ ’ อาจส่งผลกระทบกับ Advertiser อย่างไรบ้าง ถอน 1 เมทริกเก่า เพิ่ม 3 เมทริกใหม่ ถอน 1 เมทริกเก่า ได้แก่: Facebook แจ้งว่าจะทำการถอน เมทริก (Metric) เก่าออกจำนวน 1 รายการ ได้แก่  Relevance Score เมทริกที่ใช้บอกว่า โฆษณาของ Advertiser ตรงกลุ่มเป้าหมายมากแค่ไหน โดยมีหลักการวัดผลคร่าว ๆ จาก การตอบสนองของ Target audience ที่เห็นโฆษณา เช่น Emotion เป็นอย่างไร Like, Love หรือ Angry มีการ Share หร...

อ่านให้รู้ กับโฆษณายูทูป

เรียนรู้ โฆษณายูทูป (Youtube) แต่ละแบบ เว็บที่ให้บริการแลกเปลี่ยนความรู้ โฆษณาบนยูทูป (Youtube)เว็บไซต์ที่ให้บริการแลกเปลี่ยนคลิปวิดีโอระหว่างผู้ใช้ได้ฟรี ทำให้ ยูทูป (Youtube) เป็นเว็บไซต์ที่ยอดนิยมสำหรับทุกเพศทุกวัยเลย และ ยูทูป (Youtube) ยังเป็นเว็บไซต์ที่ให้ทั้งข้อมูลข่าวสาร ความรู้ต่างๆ รวมไปถึงความบันเทิง แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ใครหลายๆคนอาจจะรู้สึกขัดตาขัดใจเวลาดูคลิปวิดีโอบน ยูทูป (Youtube) นั้นก็คือ….. โฆษณายูทูป (Youtube ! ) แต่ในทางกลับนักการตลาด และผู้คนสายโฆษณานั้น ไม่รู้สึกขัดใจกับ โฆษณายูทูป (Youtube) เลย แต่กลับชื่นชอบ เพราะจะได้มีช่องทางในการลงสื่อโฆษณาเพิ่มขึ้น และยังสามารถเข้าถึงผู้คนเป็นจำนวนมากส่วนโฆษณาบน Youtube นั้นจะมีอะไรบ้าง นักการตลาด และผู้คนสายโฆษณาคงอยากรู้ไม่น้อย เรามาไขข้อข้องใจกันเลยดีกว่า 1. Masthead คือ โฆษณาที่สามารถเห็นได้ในหน้าแรกของ ยูทูป (Youtube) 2. Display Ads (Banners) คือ โฆษณาแบบแบนเนอร์ที่จะอยู่ตรงข้างๆวิดีโอหลักที่เปิดใช้งานอยู่ 3. Overlay – in – Video Ads คือ ป้ายโฆษณา หรือแบนเนอร์ ...